อาจารย์ได้รับเชิญไปดูดวงที่ฮ่องกงจะกลับสักวันจันทร์ที่ 3 พ.ย. คงจะมาตอบนะคับ

    เป็นเรื่องการใช้หลักของกาลชะตาแบบหยาบๆ (คือไม่ละเอียด) มาทำนายโดยผูกมาให้เห็นว่ามีอิทธิพลของดาวอะไรมากระทำ ซึ่งตำราดังกล่าวก็มีแนวทางโดยใช้ดาวเพียง 7 ตัว ซึ่งจริงๆแล้วโหราศาสตร์ที่แท้จริงนั้น ต้องผูกโดยใช้ดาวถึง 10 ดวง ดังนั้นจึงทำให้การใช้ดาวเพียง 7 ดาว นั้นจะมีขึดจำกัดมากหรือแคบเกินไป ในขณะที่โหราศาสตร์ที่แท้จริงนั้น ต้องใช้ปฏิทินดวงดาวที่โคจรที่เกิดขึ้นจริงในช่วงเวลาขณะนั้น และหาลัคนาของเวลาที่สัมพันธ์กับดวงดาวที่เกิด ณเวลานั้น  จะทำให้เห็นอะไรได้อย่างกว้างขวางและลึกซึ้งกว่าแยะ และการที่จะได้ประโยชน์จากโหราศาสตร์ที่แท้จริงนั้น จะต้องเป็นแบบที่ทำให้คนที่มาดูหรือมาปรึกษา เกิดปัญญาเรียนรู้เรื่องจุดอ่อนหรือเรื่องของชะตาชีวิตที่เป็นจุดอ่อน มากกว่าการทำนายโดยใช้ดวงกาลชะตามาทำนายเพียงอย่างเดียว แล้วมาเน้นย้ำว่า หมอพูดถูกต้อง เพราะ อย่าลืมว่า เดี๋ยวนี้ การตลาดนั้นได้แทรกซึมไปทั่วในวงการทีวี ซึ่งจะต้องใช้วิจารณาญาณให้ดี อย่าเพิ่งเชื่ออะไรง่ายๆ เพียงแค่ดูทีวีอย่างเดียว (อย่าลืม คำว่า "การตลาด" อาจทำให้อะไรบางอย่างดูดีมากๆก็ได้) จงอย่าลืมเรื่องของสติปัญญา และการรู้จักไตร่ตรอง

      การเข้าใจเรื่องของชีวิตตนเอง ผ่านการเรียนรู้โหราศาสตร์ด้วยตนเอง เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ดังนั้นถ้าอยากได้ประโยชน์และมีความเจริญในชีวิตนั้น หมอก็อยากให้ทุกคน ให้มาเรียนรู้โหราศาสตร์ด้วยตนเองน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า

    เรียนรู้สามารถดูดวงชะตาได้ด้วยตัวเอง ดีเสียยิ่งกว่า ไปฝากชีวิตไว้กับหมอดูเพียงคนเดียวที่เขามีความเชื่อมั่นเกินไปว่าเขาเก่งมากๆ และเราต้องเชื่อเขา 

    ทำไมไม่มาเรียนดวงดวงชะตาด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาตนเอง เพื่อรู้จุดแข็งหรือจุดอ่อนตัวเอง น่าจะดีกว่ามากเลยครับ    

ปริจเฉทในพระไตรปิฎกแปลว่าการกำหนด ดาราแปลว่าดาว ปริจเฉท7ดาราแปลว่าการกำหนดดาว7ดวง อันนี้ถูกต้องหรือปล่าวไม่รู้นะครับ เพียงแต่ผมค้นหามาจากหนังสือพระหนะครับ ดูจาคล้ายๆ 7ตัว9ฐานด้วย

ก็เอาอย่างนี้ดีกว่าครับ โหราศาสตร์แบบเต็มรูปแบบโดยใช้ปฏิทินดวงดาวมีดาว 10 ตัวนั้น ก็จะละเอียดมากและสามารถมองได้หลากหลายมิติอย่างมหัศจรรย์ ทำให้เกิดปัญญานำทางแก้ปัญหาได้และกระตุ้นธาตุรู้ แต่เพียงว่านักโหราศาสตร์หรือโหรนั้น มีความลึกซึ้งมากกว่าบุคคลที่เรียกตัวเองว่า "หมอดู"

  สมัยโบราณโหรหรือนักโหราศาสตร์ ส่วนใหญ่มีไว้ใช้ในวังหรือการบริหารแผ่นดิน แต่ไม่ใช่หมอดูครับที่อยู่ในวัง โหรสามารถทำนายและหาทางแก้ไขได้ในมิติที่ลึกซึ้ง เพราะวิชาโหราศาสตร์ที่แท้จริง เป็นศาสตร์แห่งมุมมองหลายมิติ ทำให้เกิดการหยั่งรู้ได้อย่างไม่จำกัดและสามารถแนะนำช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้อย่างกว้างขวาง

   ดังนั้นจึงเป็นความจำเป็นของคนส่วนมากที่ควรจะเรียนรู้วิชาโหราศาสตร์ แต่ไม่ใช่วิชาหมอดู เพราะหมอดูมักจะคิดในระบบความคิดที่ว่า ทายเป็นอย่างไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น แต่ระบบโหราศาสตร์ที่แท้จริงนั้น เมื่อเข้าใจเรื่องดวงดาวอย่างลึกซึ้งแล้ว จะสามารถหยั่งรู้ที่จะแก้ไข ไม่ให้เกิดขึ้นได้ เรียกว่า "โหราศาสตร์ที่ลึกซึ้งแท้จริงน้น จะใช้ขบวนการทางปัญญาและการหยั่งรู้มิติของชีวิต มาช่วยปรับปรุงแก้ไขและพัฒนา ชีวิตและศากยภาพของบุคคลนั้น โดยให้เข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนของแต่ละชะตาชีวิต มากกว่าที่จะไปหลงผิดเชื่อว่า ชีวิตไม่มีทางแก้ไขถ้าหมอดูคนนั้นทายอย่างไรก็ต้องเป็นไปอย่างนั้น ถ้าเป็นอย่างหมอดูคิดหรือเชื่อมั่นในทัศนคติอย่างนั้นและเป็นเรื่องจริง ปานนี้พุทธศาสนาหรือศาสนาแห่งปัญญาคงจะสูญไปนานแล้ว แต่ความจริงก็ไม่เป็นอย่างนั้น ดังนั้นศาสตร์ใดก็แล้วแต่ ที่สามารถให้คนเกิดความฉลาดในการรู้ตัวในการที่จะแก้ไขตนเองให้ดีขึ้นได้ ศาสตร์นั้นคือ ศาสตร์แห่งปัญญาหรือสัมมาทิฐิ เมื่อรู้แล้วให้ใช้สติปัญญาเต็มกำลังในการเดินหน้าในการแก้ไขปรับปรุงพัฒนาเปลี่ยนแปลงชีวิต และนั่นก็คือ "โหราศาสตร์แบบเชิงสัมมาทิฐิหรือปัญญา" นั่นเอง ก็จะทำให้ทุกคนที่ได้เรียนรู้โหราศาสตร์แบบมีสัมมาทิฐินั้น มีความเป็นอิสระและมีสติปัญญาที่จะอยู่ในโลกนี้ ได้อย่างมีความสุขที่สุดหรือทุกข์น้อยที่สุดนั่นเอง

สนใจแนวทาง ดูหลักสูตรโหราศาสตร์ ในหน้าเมนู

ถ้าสงสัยก็ลองดูที่ url นี้นะครับ http://www.youtube.com/watch?v=G6JuYelZXf4 ผมเชื่อว่าหมอดู ก็เหมือนหมอจริงๆ นะครับ เพราะคนที่จะมาดูดวงมักจะมีความทุกข์ความกังวลเหมือนกับความเจ็บป่วยที่หมอต้องรักษา และหมอก็มี specialist หลายด้าน หมอดูก็เช่นกันมีหลายสาขา เช่น ดูลายมือ ดูลายเซ็น เลข 7 ตัว โหราศาสตร์แขนงต่างๆ ฮวงจุ้ย ไพ่ทาโรต์ นักอ่านจิต ปริเฉท กระดองเต่า ลูกไก่  เป็นต้น ทั้งหมดมีจุดประสงค์เดียวกัน คือ การอ่านแนวโน้มของอนาคต เพียงแต่ใช้สื่อกลาง media ต่างกัน ซึ่งผมเคยประสบมากับตัวเองว่าแม้ว่า media จะต่างกัน แต่หากทายอย่างแม่นยำ ผลก็จะออกมาสอดคล้องกัน สำหรับผมคิดว่าปริเฉทมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นศาสตร์ทำนายแขนงหนึ่งซึ่งผมไม่รู้จัก แต่เรื่องตัวบุคคล ผมไม่ค่อยเชื่อถือ แต่ถ้าอยากรู้จริงคงต้องไปลองของกับหมอกฤษณ์เขาครับ มาถามใน web นี้คงจะไม่สามารถให้ความกระจ่าง ให้ได้แค่ความเห็นนะครับ

คำว่าแนวโน้มของอนาคต หรือดวงชะตานั้น หลายท่านมองว่าเป็นในลักษณะของ "ลิขิต" คือ ต้องเป็นไปอย่างนั้น แก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่จากประสบการณ์ของตัวเอง จากคำบอกเล่าของอาจารย์ และข้อมูลสถิติของสถาบัน ผมพบว่าดวงชะตาเป็นแนวโน้มที่มีอิทธิพลแต่แก้ไขได้ เพราะผมสังเกตว่าคนที่ไม่รู้ดวงชะตามักจะเป็นไปตามนั้น ทำให้เราทายอดีตได้แม่นยำ นี่แสดงว่าดวงชะตาเป็นแนวโน้มที่มีอิทธิพลจริงๆ ภายใต้ความรู้สึกที่ว่าเราตัดสินใจเองกลับไม่สามารถหลุดพ้นจากแนวโน้มนี้ได้ ผมขอเปรียบเทียบตัวเราเป็นเหมือนรถรุ่นเก่าคันนึงดวงชะตาก็เหมือนถนนพระรามสี่ คือ มีทิศทางแน่นอนแต่แปรผันได้ระดับนึง คือ เปลี่ยนเลนรถได้ ขึ้นกับความตั้งใจดีหรือชั่วในการตัดสินใจของเรา แต่ยังไงก็ต้องไปที่จุดหมาย คือ ไปทางเยาวราช ซึ่งอาจจะเป็นจุดหมายที่ดีหรือแย่ก็ได้ เช่น อาจเป็นการเลื่อนตำแหน่งงาน หรือเป็นความตายก็ได้ การจะฉีกตัวออกจากแนวโน้มนี้จะต้องใช้ความตั้งใจอย่างมาก เหมือนการเปลี่ยนเส้นทางออกไป แต่อย่างที่ผมบอกว่าเราเหมือนรถรุ่นเก่า พวงมาลัยมันหมุนยาก การเปลี่ยนเส้นทางจึงเหนื่อยกว่าการเปลี่ยนเลน ต้องใช้ความตั้งใจมากยิ่งถ้าจะ U-turn ยิ่งต้องตั้งใจมาก และยังต้องรู้ทางที่จะไปด้วย ไม่งั้นคงไม่กล้าเปลี่ยนเส้นทางต้องขับไปตามถนนเส้นเดิม

การรู้ดวงชะตาก็เหมือนทำให้เราเห็นแผนที่จากมุมสูง ซึ่งเป็นมุมที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้เห็น เราจึงเลือกตัดสินใจเลือกเส้นทางได้ดีขึ้น แต่อย่างที่บอก คือ ต้องใช้ความตั้งใจเยอะจริงๆที่จะบิดพวงมาลัย ผมได้เห็นตัวอย่างผู้ที่ดวงชะตาถึงฆาตแต่ไม่รู้ดวงชะตาก็ปรากฏว่าเสียชีวิตตามวันเวลาที่ควรจะเป็น ในขณะที่คนอีกกลุ่มนึงมีดวงชะตาถึงฆาตเช่นกันแต่ได้รับการเตือนไป ก็สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น เลี่ยงการเดินทางไปต่างจังหวัดในช่วงที่มีแนวโน้มดังกล่าว และไปทำบุญทำกุศล ก็ปรากฏว่ารอดชีวิตได้ แต่อย่างที่บอกการออกจากแนวโน้มไม่ง่าย เพราะกรรมที่เราเคยทำมาลบล้างไม่ได้ เราได้แค่เบี่ยงเบนหรือรับมือ เสมือนคน 2 คนกระโดดจากโต๊ะกินข้าวที่สูงเท่ากัน คือ มีผลกรรมอย่างเดียวกัน คนที่ 1 กระโดดลงมาแบบขาตรงเกร็งเข่าไม่ให้งอ ส่วนคนที่ 2 กระโดดลงมาแบบเมื่อกระแทกพื้นแล้วย่อเข่า คนที่สองย่อมจะเจ็บน้อยกว่า ปลอดภัยกว่าคนที่ 1 เพราะรับมือกับกรรมอย่างถูกวิธี คนที่รอดชีวิตดังกล่าวยังคงต้องรับแรงกระแทกของกรรมอยู่ดี เช่น มีอุบัติเหตุแต่ไม่ถึงชีวิต กระจกรถแตก บางคนถอยรถที่ปั๊มแล้วครูดสีถลอก แต่บางคนก็ตายอยู่ดี เพราะไม่มีความตั้งใจระมัดระวังพอ หรือสังขารไม่อำนวยจริงๆ

ด้วยเหตุนี้ ผมจึงไม่เห็นด้วยกับบางคนที่กลัวการดูดวงชะตาว่าจะเป็นไปตามนั้น หรือรู้สึกว่างมงาย ในทางตรงข้าม ผมคิดว่าการรู้ดวงทำให้เราแก้ไขได้ เป็นคนที่รู้ทางดีกว่าคลำทางไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่ากรรมเก่าที่ติดมาจะพาไปที่ใด จุดมุ่งหมายสูงสุดของการดูดวงสำหรับผม คือ ดูดวงให้แม่นจนไม่แม่น คือทายให้เขาและเสนอทางแก้ด้วย แต่ไม่ใช่ไม่แม่นเพราะทายผิดแต่แรกนะครับ ขอเน้นว่าดวงชะตาแก้ไขได้ไม่งั้นจะดูดวงไปทำไม หมอดูคงเศร้าใจและเลิกไปหมดแล้วนะครับ การที่วิชานี้อยู่มาตั้งแต่ก่อนพระพุทธเจ้าประสูติจนถึงปัจจุบันน่าจะสะกิดใจเราบางอย่างนะครับ อีกอย่างนะครับการดูดวงชะตาไม่งมงายนะครับ เพราะมีที่มาจากการเก็บสถิติล้วนๆ เหมือนงานวิจัย ไม่ใช่ทึกทักเอาเอง ถึงตอนนี้ผมอยากบอกให้ท่านรู้ว่าดวงมีจริง เพียงแต่ยังขาดการอธิบายว่ามันมีจริงได้อย่างไร ซึ่งผมคิดว่าอาจเกี่ยวข้องกับทฤษฎีทวิภาพของคลื่นและอนุภาค หรือ wave-particle duality ของ Louis de Broglie นักผิสิกส์ชาวฝรั่งเศสที่ได้รับรางวัล Nobel ในปี 1929 ที่มีพื้นฐานของทฤษฎีมาจากแนวคิดของ Einstein ด้วย หลายท่านอาจรู้สึกว่าเว่อร์ แต่มันต้องอธิบายกันแบบนี้ เพราะการดูดวงเป็นการใช้สื่อเพื่อมองข้ามมิติของเวลา จึงต้องอธิบายกันด้วย quantum physics รายละเอียดของกลไกผมเคยได้อภิปรายแล้วที่สถาบัน คงไม่พูดตรงนี้ เพราะลึกเกินไป แต่กำลังปรึกษากับคุณหมอว่าอาจจะนำลงตีพิมพ์ในหนังสือเล่มต่อไปของคุณหมอด้วย ถ้าสนใจ ก็ติดตามดูกันนะครับ และเราคงจะอภิปรายกันเกี่ยวกับเหตุผลเรื่องของปฏิทินและการตัดเวลาที่หลายท่านค้างคาใจ เพราะโดยทั่วไปจะไม่มีการบอกเหตุผล แต่จะเป็นการเชื่อต่อๆ กันมา ซึ่งขัดกับกาลามสูตรนะครับ

ก็ขอให้ท่านที่สนใจและมีความรู้โหราศาสตร์มั่นใจได้ครับว่ามันมีเหตุผล ไม่งมงายและ "มีจริง" ขอให้ท่าน "รู้ว่า" มันมีจริง อย่าแค่ "เชื่อว่า" นะครับ ท่านที่เคยทายดวงชะตาได้แม่นยำแล้ว คงจะเข้าใจที่ผมพูดเป็นอย่างดี ส่วนท่านที่ยังไม่เคยประสบด้วยตัวเอง ก็ลองหาประสบการณ์ดูนะครับ ถ้าไม่รู้จะไปที่ไหน ลองมาพบคุณหมอก็ได้ เผื่อท่านจะได้ทึ่งกับความมหัศจรรย์ของโหราศาสตร์เหมือนที่ผมทึ่งมาแล้ว

ตาม link นี้เลยครับ

http://www.kritconfirm.com/v3/2010/04/13/ดูดวง-แบบ-บริเฉท-7-ดารา-ตอนที่-1/

หมอดูที่ดีควรทำให้ผู้ดูยิ้มออกไป หรือได้รับแนวทางแก้ไขออกไป

ปริเฉทอาจเป็นโหราศาสตร์แบบหนึ่งที่ต้องอาศัยสัมมาทิฐิกำกับเหมือนโหราศาสตร์อื่นๆ แต่การคอนเฟิร์มและฟันธงเป็นการดูถูก "มนุษย์" ว่าต้องเป็นไปตามนั้น ไว้ entertain คนตามสื่อบันเทิงให้เฮๆไปอย่างนั้น  ไม่มีคุณค่า เป็นอวิชชา เป็นมารมาแย้งพระพุทธเจ้า  ผู้ทรงสอนให้เราเชื่อในปัญญาการแก้ไขของตัวเอง (โหราศาสตร์คู่ควรกับการวางแผนของคนมีวิสัยทัศน์ คนสู้ชีวิต และคนระดับ CEO)

ผมไม่เชื่อในพระเจ้า ผมไม่เชื่อในดวงชะตาลิขิต แต่ผมเชื่อดวงแบบกรรมเก่าซึ่งอ่านได้ เชื่อกรรมปัจจุบันที่เลือกทำได้ และเชื่อในกรรมอนาคตที่วางแผนได้

เพราะอาจารย์หมอฟันสอนดูดวงได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว โดยช่วยชีวิตแม่ของผม จากเหตุการณ์น่ากลัวเหลือเชื่อแบบ Final Destination

ทุกอย่างอยู่ใต้การควบคุมของเรา บางส่วนคุมมาจากอดีต รู้ไว้ได้เปรียบ ที่เหลือขึ้นอยู่กับเรา จงเชื่อมั่นในตัวเอง 

เห็นด้วยค่ะว่า.... โหราศาสตร์คู่ควรกับการวางแผนของคนมีวิสัยทัศน์ คนสู้ชีวิต และคนระดับ CEO !!!

ศิษย์หมอฟันสอนดูดวง <--- You are amazing!!   

 ผมว่ามีจิรงค้ลบ

 ผมว่ามีจิรงค้ลบ

 ผมว่ามีจิรงคัลบ

ทั้งวันเดือนปีเกิดของแต่ละคน ถูกกำหนดกรรมมาตั้งแต่เกิดแล้ว ให้ได้รับผลแบบใด

วิชาโหร มีมาตั้งแต่สมัยใดก็ไม่มีใครรู้ มีกี่วิชาไม่มีใครทราบ บางวิชาอาจเก็บไว้ลับๆเพื่อป้องกันคนนำไปใช้ในทางที่ผิด

ดังนั้นหมอดูไม่มีทางรู้ว่าวิชาใดดีหรือไม่ดี นอากจากหมอดูผู้นั้นรู้วิชาทั้งสองนั้นๆแล้วนำมาเปรียบเทียบได้

ผมว่ามันแล้วแต่ทฤษฎีของแต่ละวิชานะ บางทีอาจมีวิชาใช้ดวงดาวแค่ 4 ดวงก็เป็นได้ 

ใครจะหากินอย่างไร หรือทำไม่ดีอย่างไร ก็อยู่ที่ตัวเขา เราตัดสินเขาไม่ได้ เพราะคนเราเกิดมาเพื่อทำบุญกุศลให้เพิ่มขึ้น

ถ้ามัวแต่สร้างกรรม อีก การเกิดเป็นมนุษย์ก็เสียชาติเกิดนะครับ ให้อภัยต่อทุกคน  ยิ่งเป็นโหร ยิ่งควรมีไว้ให้มากกว่าคนปกติจะได้ไม่เสียเกียรติ

 ถ้าพูดแล้วทำให้คนในห้องนี้ไม่สบายใจ

ไม่มีเจตนาให้คนอ่านเกิดโทสะ แต่ก็เขียนไปเพราะ ตัวเองเข้าใจแบบนี้เท่านั้น

ขอโทษด้วยนะครับ ทุกท่าน

จรรยาบรรณหมอดู ไม่ควรแพร่งพรายเรื่องส่วนตัวของใคร ให้คนอื่นรับทราบ ทำให้เกิดเสียชื่อเสียง

เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สำัคัญมากนะ

ผมว่าเป็นการใช้ ยามอัฏฐกาลอย่างชำนาญแล้วแปลงตำราร่วมกับความรู้ที่มีกลายเป็นยามกาลชะตาโดยจับดาวหลักของยามที่เข้ามาเทียบกับกาคโคจรดาว10ดวงแล้วทำนายตามผลกระทบดาวครับคนไม่รูัก็ว่านั่นว่านี่ใช้ไม่เป็นก็บอกเถอะครับ

วิชานี้มีจริงอย่างแน่นอน  เป็นสายพระครูอินทร์เทวดา   ถอดมาจากโหราพินิจนาที     สามารถทายได้โดยไม่ต้องใช้อะไรเลย    โดยมีผังกาลชะตาเฉพาะ   ไม่ใช่กาลชะตาแบบหยาบเพราะซอยยามลึกลงไปในระดับวินาที    จริงๆ แล้ววิชานี้ทายได้อัศจรรย์   สามารถทายได้ทุกรูปแบบและลึกมาก ไม่ใช่แค่ผิวเผินอย่างที่เข้าใจกัน   ส่วนที่หมอกฤษฎิ์ทายสีเสื้อส่วนสูงหรือของใกล้ตัวนั่นแค่น้ำจิ้ม เพื่อสอบลัคนาว่าถูกต้องหรือไม่เท่านั้นครับ    ไม่มีเจตนาอะไร นอกจากเอาความจริงมาบอกท่านที่เข้าใจผิด

 555 ของอย่างงี้แล้วแต่วาสนาครับ

ไม่เจอ ไม่สัมผัสกับตัวคงไม่มีใครเชื่อ

แต่ทุกอย่างก็เป็นอนัตตาอะครับ เสื่อมได้

เพื่อนผมเค้าเคยไปเรียนมาแล้ว และได้แสดงให้เห็นด้วย

เป็นเลขเจ็ดตัว แบบสายราชบุรี ไม่ได้โม้ 

 ใครบอกว่าเลขเจ็ดตัวหยาบ เอาแค่วิชาพินิจนาที

มีจุดที่เรียกว่าลัคนา มากถึง ๒๑ จุด มากกว่าราศี ๑๒ ราศีด้วยซ้ำ

รหัสดวงแบบเดียวกัน ทั้ง ๓๔๓ รูปแบบ ยังมีลัคนาของเลข ๗ ตัวที่ไม่เหมือนกันอีก ๒๑ ตำแหน่ง รวมแล้ว ๓๔๓ × ๒๑ = ๗๒๐๓ รูปแบบ

 เกมสล็อตซื้อฟรีสปินได้ทุกเกม แนะนำ สล็อตเว็บใหญ่ มาแรง วิธีเล่นสล็อตยังไง ให้เป็นเศรษฐี สล็อต pg

 รับทรัพย์ รวมเกมสล็อตทำเงินง่าย ทุกค่าย เกมสล็อตที่ทุกคนต้องลอง เว็บสล็อตอันดับ1 ที่ดีที่สุด https://www.all4slot.com/

 slot ออนไลน์ ได้อย่างเต็มที่จุใจ เมก้าเกมระบบเว็บไซต์ ที่ไหลลื่นที่สุด ไม่มีสะดุดระหว่างการเล่น ไม่ขัดจังหวะทำเงินอย่างแน่นอน สล็อตทดลองทุกค่าย

 รวมทุกค่ายดัง เว็บตรงผ่านมาตรฐานสากล เล่นได้เงินจริง ไม่มีเบื่อ พร้อมเกมใหม่ๆอัพเดททุกวัน megaสล็อต

 ทดลองเล่นสล็อต ฟรี ไม่ต้องเข้าสู่ระบบ สามารถเล่นได้ไม่จำกัดฟรี ทดลองเล่นเกมสล็อต เล่นสล็อต pg

 รางวัลมูลค่าสูง ๆ ได้อย่างแม่นยำ เพียงแค่คุณสมัครสมาชิก Slotxo กับเราแล้ว ก็กดโหลดสูตรฟรี นำไปปรับใช้ได้เลย รับรองว่ามันจะช่วยประหยัดเวลาไปได้มาก ไม่ต้องไปคำนวณเองให้ปวดหัว ผ่านการทดสอบจากผู้เล่นสล็อตมืออาชีพแล้วว่าเห็นผลจริงตั้งแต่ 30 นาทีแรกสล็อตเว็บตรง