ReadyPlanet.com


เพราะเหตุใดดวงดาวถึงมีอิทธิพลกับชีวิต


เพราะเหตุใดดวงดาวถึงมีอิทธิพลกับชีวิตเรา ทั้งๆที่ดวงดาวบนจักวาลมีอยู่นับล้าน ทั้งๆที่พระพุทธเจ้าสอนว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน และทั้งๆที่ชีวิตเราน่าจะขึ้นอยู่กับกฏแห่งกรรม

รบกวนขอคำแนะนำหน่อยนะครับ



ผู้ตั้งกระทู้ ราเชน :: วันที่ลงประกาศ 2010-03-13 23:56:14 IP : 58.8.102.153


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (3206426)

สวัสดีครับคุณราเชน

ก่อนอื่นขอฝากให้ชมวิดีโอจาก YouTube ข้างล่างนี้นะครับ ซึ่งอธิบายถึงที่มาของโหราศาสตร์ว่าเกิดขึ้น และดำรงอยู่มาถึงปัจจุบัน นานนับ 3,000 ปีได้อย่างไร เป็นการเรียนรู้ร่วมกัน แล้วผมจะขออธิบายในความคิดเห็นถัดไป

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ศิษย์หมอฟันสอนดูดวง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-03-23 00:51:08 IP : 58.11.67.24


ความคิดเห็นที่ 2 (3206430)

สวัสดีครับ คุณราเชน

ขอบคุณสำหรับคำถามของคุณราเชนนะครับ เป็นประเด็นสำคัญที่พี่น้องชาวพุทธอย่างเราๆ ควรจะทำความเข้าใจให้ดีครับ เพราะที่จริงแล้วโหราศาสตร์ไม่ขัดกับพุทธศาสตร์ แต่สอดคล้องกัน อาจารย์เป็นชาวพุทธที่เคร่งและศึกษาพระศาสนา เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา โดยเฉพาะท่านได้ศึกษาพระไตรปิฎก ซึ่งชาวพุทธส่วนใหญ่ไม่เคยทำ และท่านได้พิสูจน์แล้วว่าโหราศาสตร์ที่ประกอบด้วยสัมมาทิฐินั้น สอดคล้องกับกฎแห่งกรรม และช่วยให้คลายทุกข์ได้

ผมขอแยกอธิบายเป็น 2 ส่วน คือ โหราศาสตร์มีจริงหรือไม่ และโหราศาสตร์ทำงานอย่างไร คิดว่าคงครอบคุลมประเด็นที่ถามครับ เป็นการอธิบายตามกระบวนการเรียนรู้ของนักวิทยาศาสตร์ คอ สังเกตพบว่าอะไรมีจริงและอธิบาย

1. โหราศาสตร์มีจริงหรือไม่?

โหราศาสตร์ได้รับการพิสูจน์มานานกว่า 3,000 ปีแล้วครับ โดยเฉพาะโหราศาสตร์พาราณสี ซึ่งอยู่คู่กับเมืองพาราณสีของอินเดียมาตั้งแต่โบราณ แม้แต่สมัยพระพุทธเจ้าประสูติ ก็มีพราหมณ์ 8 คนมาทำนายพระชะตาให้

โหราศาสตร์สามารถทดสอบได้จากสถิติ พบว่ามีนัยสำคัญ สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดในชีวิตแบบเฉพาะเจาะจง หากท่านต้องการพิสูจน์ด้วยใจเป็นกลางอยากเรียนรู้ความจริงของจักรวาล ขอเชิญติดต่ออาจารย์หมอฟันสอนดูดวง ทันตแพทย์ธีระพันธ์ แสงไพบูลย์ 086-991-6456

2. โหราศาสตร์ทำงานอย่างไร?

ยังไม่มีการพิสูจน์ แต่ ATVAS ตั้งสมมติฐานว่าเกี่ยวข้องกับ quantum physics ในหัวข้อ wave-particle duality ของ Louis de Broglie นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ที่ได้รับรางวัล Nobel ในปี 1929

ทฤษฎีนี้กล่าวว่าอนุภาคสามารถประพฤติตัวเป็นคลื่น และคลื่นก็สามารถประพฤติตัวเป็นอนุภาค ทฤษฎีนี้ได้รับการพิสูจน์จากปรากฏการณ์ Photoelectric Effect ที่ค้นพบโดย Hertz ซึ่งใช้แสงฉายไปบนแผ่นโลหะ ปรากฏว่าแสงซึ่งเป็นคลื่นนั้นสามารถชนกับ electron ให้หลุดออกมาเกิดเป็นกระแสไฟฟ้าได้ เพราะแสงประพฤติตัวเป็นอนุภาค ที่เรียกว่า photon ได้นั่นเอง

และยังพิสูจน์จาก electron diffraction คือ การเบี่ยงเบนของ electron หลังผ่านแผ่นโลหะบาง ซึ่งเป็นคุณสมบัติของคลื่น เพราะอนุภาคหักเหผ่านโลหะไม่ได้ ดังนั้น อนุภาคก็ประพฤติตัวเป็นคลื่นได้ หลักการนี้ยังใช้อยู่ในกล้องจุลทรรศน์ electron ปัจจุบัน

ทฤษฎีนี้ใช้อธิบายวงโคจรของ electron รอบ nucleus ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า electron ไม่ได้วิ่งสุ่มๆ รอบ nucleus แต่มีระยะห่างที่เฉพาะเจาะจง ก็เพราะ electron ประพฤติตัวเป็นคลื่นได้ และระยะห่างที่ electron อยู่ ก็คือ ระยะห่างที่เหมาะสมทำให้เกิดคลื่นเป็นวงรอบ nucleus ได้นั่นเอง

สรุปว่าอนุภาคก็ประพฤติเป็นคลื่น และคลื่นก็ประพฤติเป็นอนุภาคได้ แต่ที่ร่างกายเรา และของรอบตัวยังดูเป็นอนุภาค ไม่เป็นคลื่นนั้น เพราะจากสมการของ de Broglie พบว่าของที่มวลสูงและมี momentum มากอย่างของทั่วไปนั้น มีความยาวคลื่นที่มีค่าน้อยมากจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

แต่คลื่นที่มองไม่เห็นในตัวเราเองนี้กลับมีความสำคัญยิ่ง อาจมองว่าเป็นวิญญาณของเรา สังเกตว่าคนที่คิดดีมักจะมีคลื่นที่ดีออกมาให้เรารู้สึกได้ และคลื่นนั้นก็เสริมให้ใบหน้าของคนนั้นแผ่ซ่านด้วยความอิ่มเอิบและรอยยิ้ม ในขณะที่คนมองโลกแง่ร้ายจะมีคลื่นทำลายออกมาให้เรารู้สึกได้ (บางคนเรียก รังสีอำมะหิต) และคลื่นนั้นก็เสริมให้ใบหน้าของคนเหล่านี้ดูเศร้าหมอง เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น ไม่น่าคบหา

ทุกอย่างมีคลื่น ดาวมีคลื่น ราศีมีคลื่น คลื่นจากราศีวิ่งมาหาเราจากรอบจักรวาล บางราศีที่มีดาวอยู่ คลื่นจากราศีจะผสมกับคลื่นจากดาวนั้นวิ่งมาหาเรา เมื่อรูปแบบคลื่นที่ตรงกับดวงจิตเราที่สุดมาถึงโลก นั่นก็เป็นวันที่เราเกิด เพราะมันสอดคล้องกับกรรมของเรา เหมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดกันนั่นเอง ของที่เราใช้ก็มีคลื่นอย่างเช่นหมายเลขเบอร์มือถือ ยิ่งใช้บ่อยยิ่งรับคลื่นบ่อย ถึงได้ใช้มือถือทายได้แม่นกว่าเบอร์บ้าน เพราะมือถือใช้คนเดียว และติดตัวตลอดเวลา คนที่ชอบฟังข่าวดี ดูหนังดีๆ ก็จะแจ่มใสด้วยพลังที่ดี คนที่หมกมุ่นแต่การนินทาข่าวร้าย จะมีแต่คลื่นแห่งความเศร้าหมองและน่าเบื่อ

ส่วนตัวเชื่อว่าสักวัน physics ศาสนาพุทธ และโหราศาสตร์จะมา join กันในที่สุด ในวันที่ความจริงของจักรวาลถูกเปิดเผย และความไม่รู้ถูกกำจัดให้หมดไป 3 ศาสตร์นี้จะอยู่คู่มนุษยชาติตลอดไป

ผู้แสดงความคิดเห็น ศิษย์หมอฟันสอนดูดวง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-03-23 01:30:31 IP : 58.11.67.24


ความคิดเห็นที่ 3 (3206431)

ขอ copy บทความของตัวเองจากกระทู้ "เหตุผลทำไมถึงควรจะดูดวงให้เป็น?"

หลายคนกลัวการดูดวง ถามว่า "กลัวทำไม" ก็ตอบกันว่า "กลัวดวงมันไม่ดี" เลยขอไม่รู้มันดีกว่า

รู้จักนกกระจอกเทศมั้ยคับ เป็นนกตัวใหญ่บินไม่ได้ อยู่ในสวานน่าของแอฟริกา มีขาที่แข็งแรง ท่าทางน่าเกรงขาม แต่มีพฤติกรรมน่าขันอยู่ประการหนึ่ง คือ เมื่อมันเจออันตรายที่น่ากลัว มันจะมุดเอาหัวลงดิน ทำให้มันไม่เห็นสิ่งที่กำลังเข้ามา ซึ่งอาจเป็นเสือ หรือสิงโต เป็นต้น เรียกลักษณะนี้ว่า ostrich syndrome

มนุษย์เป็นสัตว์ชั้นสูงสุดของโลก มีสมองที่พัฒนาสูงพอรองรับจิตวิญญาณที่มีศักยภาพมากได้ และด้วยจิตนี้เมื่ออาศัยการฝึกฝนและเครื่องมือที่ถูกต้อง ก็สามารถอ่านกระแสของความน่าจะเป็นต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเองและคนรอบข้าง ซึ่งเป็นผลจากกรรมเก่า การรู้โอกาสที่จะเกิดทำให้เราเลือกได้ที่จะไม่ให้เหตุการณ์ไม่ดีเกิด และส่งเสริมเหตุการณ์ดีที่จะเกิด เป็นการใช้ชีวิตแบบเห็นทาง ไม่ขอเอาหัวมุดดินอย่างเจ้านกกระจอกเทศ

         

ดังจะเห็นว่าเพื่อนๆ พี่ๆ หลายท่าน เมื่อได้สัมผัสกับวิชาโหราศาสตร์ไทยพาราณสีประยุกต์แล้ว บอกว่าไม่อาจกลับไปใช้ชีวิตอย่างเดิมได้ คือ แกล้งทำเป็นว่าไม่รู้จักดวงชะตา ต่อสู้กับชีวิต โดยไม่เห็นหนทาง เพราะมันมีจริง

โหราศาสตร์เป็นวิชาที่สถิติศาสตร์นำหน้าวิทยาศาสตร์ เพราะมีการเก็บรวบรวมข้อมูลจำนวนมาก เป็นเวลานานอย่างน้อย 2552 ปีแล้ว ซึ่งวิทยาศาสตร์ยังอธิบายไม่ได้ เพราะวิทยาศาสตร์ยอมรับสิ่งที่รับรู้ได้ด้วยตา หู จมูก ลิ้น และกายเท่านั้น ไม่ยอมรับสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยจิต ซึ่งคงต้องถามว่าเมื่อคลื่นโทรทัศน์ที่ตามองไม่เห็น แต่มีอยู่จริง เพราะอาศัยเครื่องมือที่เหมาะสมรับแสดงภาพได้ แต่โหราศาสตร์ซึ่งตามองไม่เห็น แต่มีอยู่จริง แสดงผลได้ผ่านการอ่าน possibility ด้วยจิตวิเคราะห์ของนักโหราศาสตร์ ทำไมเราถึงปฏิเสธมัน

นั่นเพราะมนุษย์ self centered เราพยายามปรับสิ่งรอบตัวให้เข้ากับเรา ไม่ใช่เราให้เข้ากับสิ่งรอบตัว เช่น อากาศร้อนเราก็เปิดแอร์ เป็นต้น เราปรับคลื่นโทรทัศน์เข้าหาเราด้วยเครื่องมือ แต่เราจะไม่ยอมปรับตัวเองเลย เช่น ปรับเข้าหาโหราศาสตร์ด้วยการเปิดใจ ซึ่งก็เป็นเครื่องมือที่ติดอยู่กับตัวตนของเราอยู่ตลอดเวลา

เราอาจเปรียบชีวิตเหมือนรถก็ได้ ปกติเราก็ขับรถไปตามทางที่เราว่าดี ตามทางที่เราอยากไป เพื่อให้ถึงจุดหมาย เช่น ความสำเร็จ ความร่ำรวย ความรัก ความสุข รอยยิ้มของพ่อแม่ เป็นต้น แต่เมื่อออกจากบ้านไม่นาน เรากลับเจอรถติด ลองพยายามเปลี่ยนเส้นทางก็ยังติด แต่หากเรามี GPS ที่มองจากมุมสูง และบอกได้ว่าเส้นทางไหนรถโล่งควรไป หรือเส้นทางไหนไปแล้วติดควรเลี่ยง หรือบางเส้นทางเข้าไปแล้วถึงตาย จึงต้องถามคนที่กลัวโหราศาสตร์ว่ามันไม่ดีอย่างไรที่จะรู้เส้นทาง เพื่อไม่หลงทางชีวิต

หรือเราอาจเปรียบโหราศาสตร์ในอีกลักษณะ โดยมองชีวิตเหมือนลำเรือ โหราศาสตร์ก็คืออุตุนิยมวิทยา รู้คลื่นลม ฟ้าแจ่มก็เดินเรือเต็มกำลัง ฟ้ามืดพายุเข้าก็รอหรือเปลี่ยนเส้นทาง หรือจะฝ่าพายุก็จะได้เตรียมตัว หากอ่านเส้นทางล่วงหน้าดี เรือไททานิคที่แข็งแกร่งก็จะไม่มีวันจมง่ายๆ จากการชนกับก้อนน้ำแข็ง เพราะหมอกทำให้มองไม่เห็นเส้นทางข้างหน้า เราไม่ควรให้ความกลัวความสงสัยเป็นหมอกบังชีวิตเราอีกต่อไป

มนุษย์มีความพยายามที่จะรู้อนาคตเสมอ เช่น เรามีอุตุนิยมวิทยา เรามีการพยากรณ์โรค เราวิเคราะห์ตลาดหลักทรัพย์ แล้วทำไมเล่าเราปฏิเสธการวิเคาะห์ชีวิตตัวเอง ทั้งที่มันมีอยู่จริง

ประโยชน์ของโหราศาสตร์ เช่น รู้โอกาสไม่ดีเพื่อแก้ เลี่ยง หรือผ่อนให้เบา รู้โอกาสดีเพื่อคว้าและเสริม ช่วยในการเข้าสังคมได้อย่างดี (จนดีเกินไปจนหลายท่านที่ดูดวงเป็นอาจจะเบื่อ อิอิ) พวกนี้เป็นประโยชน์เฉพาะตัว นอกจากนี้ เราสามารถใช้วิชานี้ช่วยคนรอบข้างได้อีก เช่น คุณแม่ของผมมีโอกาสถึงฆาตที่ต่างประเทศช่วงเมษายนที่ผ่านมา ก็ปรากฏว่ามีญาติมาชวนไปเมืองจีน ซึ่งอาจเอาเครื่องช่วยหายใจสำหรับคนไข้นอนกรนไปไม่ได้ ทำให้มีโอกาสเสียชีวิต สอดคล้องกับจังหวะดวงพอดี จึงไม่ไป และไปทำบุญทำทาน ทำให้ท่านยังอยู่กับเรา เพียงแต่ในช่วงนั้นรถชนเท่านั้น ดังนั้น เราเรียนโหราศาสตร์ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อคนที่เรารัก

ท่านที่รู้ว่าวิชานี้มีจริง หากท่านรักคนที่นอนข้างๆท่าน รักพ่อแม่ของท่าน รักเจ้าตัวน้อยที่ท่านจูบเท้าตอนเขาเกิด โปรดคว้าโอกาสนี้ไว้ อาจารย์หมอฟันสอนดูดวงเป็นโหรที่ไม่เหมือนใคร เป็นวิชาโหรที่เป็นสัมมาทิฐิ เป็นสถิติ เป้นสากล update และไม่งมงาย ท่านโชคดีได้รับถ่ายทอดวิชาจากอาจารย์โหรหลวงชาญ อินทรโชติ และเราก็โชคดีที่ได้รับโอกาสนี้ต่อ และหวังว่าท่านจะรับโอกาสนี้ไว้เช่นกัน

ผู้แสดงความคิดเห็น ศิษย์หมอฟันสอนดูดวง ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-03-23 01:42:40 IP : 58.11.67.24


ความคิดเห็นที่ 4 (3209113)

ประโยชน์ของโหราศาสตร์ เช่น รู้โอกาสไม่ดีเพื่อแก้ เลี่ยง หรือผ่อนให้เบา รู้โอกาสดีเพื่อคว้าและเสริม ช่วยในการเข้าสังคมได้อย่างดี (จนดีเกินไปจนหลายท่านที่ดูดวงเป็นอาจจะเบื่อ อิอิ)

***ของเค้าดีจริง...อย่างแรง(ขอบอก)***

**ยังแรงได้อีก**

*จัดไป*

ผู้แสดงความคิดเห็น kobdan @tvas รุ่น7 (kobdan-at-gmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-04-04 09:11:11 IP : 125.25.147.131



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.