แนวทางการทำงานของวัคซีนไฟเซอร์-BioNTech

บริษัท BioNTech ของเยอรมนีร่วมมือกับไฟเซอร์เพื่อปรับปรุงรวมทั้งทดลองวัคซีนต่อต้านเชื้อไวรัสวัวโรน่าที่รู้จักกันในชื่อ BNT162b2 ชื่อสามัญ tozinameran หรือชื่อแบรนด์ Comirnaty การทดสอบทางสถานพยาบาลทำให้เห็นว่าวัคซีนมีอัตราความสามารถมากยิ่งกว่า 90 เปอร์เซ็นต์สำหรับเพื่อการคุ้มครองป้องกัน Covid-19

ปัจจุบันนี้การสร้างวัคซีน Pfizer-BioNTech จำนวนไม่น้อยใช้เวลา 60 วัน

ส่วนประกอบของเชื้อไวรัสวัวโรน่า  918kiss

เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 นั้นเต็มไปด้วยโปรตีนที่ใช้ไปสู่เซลล์ของผู้คน โปรตีนที่เรียกว่ากัดกันพวกนี้สร้างแผนการที่จูงใจสำหรับวัคซีนแล้วก็การดูแลรักษาที่เป็นได้

เหมือนกับวัคซีน Moderna วัคซีน Pfizer-BioNTech ขึ้นกับข้อแนะนำทางพันธุกรรมของเชื้อไวรัสสำหรับการสร้างโปรตีนกีดกัน

mRNA ข้างในเปลือกมัน  สล็อตออนไลน์

วัคซีนใช้ Messenger RNA ซึ่งเป็นสารพัดธุบาปที่เซลล์ของพวกเราอ่านเพื่อสร้างโปรตีน โมเลกุลที่เรียกว่า mRNA สั้นๆนั้นบอบบางรวมทั้งจะถูกสับเป็นชิ้นๆโดยเอ็นไซม์ธรรมชาติของพวกเราถ้าหากว่าถูกฉีดไปสู่ร่างกายโดยตรง เพื่อป้องกันวัคซีนของพวกเขา ไฟเซอร์แล้วก็ BioNTech ห่อ mRNA ในฟองน้ำมันที่ทำมาจากอนุภาคท้องนาโนไขมัน

เพราะเหตุว่าความเปราะบาง โมเลกุล mRNA จะกระจายตัวอย่างเร็วที่อุณหภูมิปกติ ไฟเซอร์กำลังสร้างภาชนะพิเศษที่มีน้ำแข็งแห้ง เซ็นเซอร์ความร้อน แล้วก็ตัวติดตาม GPS เพื่อมั่นใจว่าวัคซีนสามารถขนส่งพอดีอุณหภูมิ –94°F (–70°C) เพื่ออยู่รอดได้

ไปสู่เซลล์

ข้างหลังการฉีด อนุภาควัคซีนจะชนกับเซลล์และก็หลอมรวมกับเซลล์ ปลดปล่อย mRNA โมเลกุลของเซลล์อ่านลำดับและก็สร้างโปรตีนขวาง สุดท้าย mRNA จากวัคซีนจะถูกทำลายโดยเซลล์ โดยไม่ทิ้งรอยถาวร

โปรตีนสไปค์บางประเภทก่อตัวเป็นแหลมที่ย้ายไปที่ผิวเซลล์รวมทั้งยื่นทิปออกมา เซลล์ที่ได้รับการฉีดยายังแบ่งโปรตีนเล็กน้อยออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยซึ่งปรากฏอยู่บนผิว ระบบภูมิต้านทานสามารถรับทราบหนามที่ยื่นออกมารวมทั้งส่วนประกอบโปรตีนกีดขวางพวกนี้

เจอผู้บุกรุก

เมื่อเซลล์ที่ฉีดยาตาย เศษซากจะมีโปรตีนกัดกันรวมทั้งองค์ประกอบโปรตีนเยอะมาก ต่อจากนั้นเซลล์ภูมิต้านทานประเภทหนึ่งที่เรียกว่าเซลล์ที่สร้างแอนติเจนก็สามารถนำขึ้นมาได้

เซลล์แสดงส่วนประกอบของโปรตีนกีดกันบนผิวของมัน เมื่อเซลล์อื่นๆที่เรียกว่า helper T cells ตรวจเจอส่วนประกอบพวกนี้ เซลล์ตัวช่วย T สามารถปลุกแล้วก็ช่วยควบคุมเซลล์ภูมิต้านทานอื่นๆเพื่อต่อสู้กับการได้รับเชื้อ

การผลิตแอนติบอดี

เซลล์ภูมิต้านทานอื่นๆที่เรียกว่า บี เซลล์ บางทีอาจชนกับยอดแหลมของ coronavirus บนผิวของเซลล์ที่ได้รับการฉีดยา หรือเศษโปรตีนที่ลอยอยู่อย่างอิสระ เซลล์ B เล็กน้อยสามารถล็อคโปรตีนกีดกันได้ หากเซลล์บีพวกนี้ถูกกระตุ้นโดยเซลล์ตัวช่วย ครั้งเซลล์ พวกมันจะเริ่มเพิ่มแล้วก็หลั่งแอนติบอดีที่มุ่งเป้าไปที่โปรตีนสไปค์

หยุดเชื้อไวรัส

แอนติบอดีสามารถจับกับสไปค์ของ coronavirus ทำเครื่องหมายเชื้อไวรัสเพื่อการทำลายและก็คุ้มครองปกป้องการได้รับเชื้อโดยการปิดล้อมไม่ให้ติดตามกับเซลล์อื่น

ฆ่าเซลล์ที่ติดเชื้อโรค

เซลล์ที่สร้างแอนติเจนยังสามารถกระตุ้นเซลล์ภูมิต้านทานอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า killer T cell เพื่อค้นหาแล้วก็ทำลายเซลล์ที่ติดโรค coronavirus ที่แสดงองค์ประกอบโปรตีนขวางบนผิวของพวกมัน

นึกถึงเชื้อไวรัส

วัคซีนไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทคจำเป็นต้องฉีดสองครั้ง โดยให้ห่างกัน 224 ชั่วโมง เพื่อระบบภูมิต้านทานของร่างกายปฏิบัติงานเจริญพอที่จะต่อสู้กับวัวโรที่นาเชื้อไวรัส แต่ว่าเพราะวัคซีนเป็นวัคซีนจำพวกใหม่ นักค้นคว้าก็เลยไม่รู้ว่าจะคุ้มครองได้นานเพียงใด

การศึกษาเล่าเรียนพื้นฐานพบว่าวัคซีนดูราวกับว่าจะให้การคุ้มครองที่อดทนราวๆ 10 คราวหน้าจากการให้ยาทีแรก compa เป็นได้ว่าในตอนนับเป็นเวลาหลายเดือนข้างหลังการฉีดยา ปริมาณแอนติบอดีแล้วก็ T เซลล์มือสังหารจะต่ำลง แม้กระนั้นระบบภูมิต้านทานยังมีเซลล์พิเศษที่เรียกว่าเมมโมรี่บีเซลล์แล้วก็เมมโมรี่คราวเซลล์ที่บางทีอาจเก็บข้อมูลเกี่ยวกับวัวโรทุ่งนาเชื้อไวรัสมานับเป็นเวลาหลายปีหรือหลายสิบปี

การเตรียมและก็การฉีด

วัคซีนแต่ละขวดมี 5 โด๊ส 0.3 มล. จำต้องละลายวัคซีนก่อนฉีดรวมทั้งเจือจางด้วยน้ำเกลือ ภายหลังเจือจางแล้ว ขวดยาจำเป็นต้องใช้ด้านในหกชั่วโมง สีแดงกับคนที่ได้รับยาหลอก: